Author Archives: sarunyoo OF

วิธีเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศประหยัดไฟ เหมาะกับขนาดห้อง

เลือกซื้อแอร์ [ปก][1]

เลือกซื้อแอร์ อย่างไร ?

เทคนิค เลือกซื้อแอร์ ให้ประหยัดไฟ และเหมาะกับขนาดห้อง

เทคนิค เลือกซื้อแอร์ ให้ประหยัดไฟและเหมาะกับขนาดห้อง

OFair แนะนำการ เลือกซื้อแอร์ ไม่ว่าจะหยุดพักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ หรือ Wrok Form Home  ก็ตามแต่ ที่แน่ๆคือ แอร์ต้องเปิดในช่วงนี้ ไม่งั้นอยู่ไม่ได้เพราะมันร้อนเหลือเกิน ถ้าไม่เปิดแอร์คงไม่มีสมาธิทำงาน ที่สำคัญตามมาซึ่งค่าไฟที่ต้องจ่ายตอนสิ้นเดือน ต่อให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือค่าไฟ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้เท่าไหร่

จะเป็นการดีกว่าหากเลือกใช้เครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับขนาดห้องและประเภทการใช้งาน เรามาดูกันดีกว่าเลือกซื้อแอร์ต้องคำนึงกี่เรื่อง อะไรบ้าง ?

เลือกซื้อแอร์ อย่างไร

เลือกซื้อแอร์ BTU คืออไร ?

BTU ย่อมาจาก British Themal Unit คือขนาดความสามารภการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ

โดย 1 ตันความเย็น = 12000 BTU

แอร์มีกี่ประเภท

แอร์แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ Econo Air และ Inverter Air ซึ่งก็จะมีหลักการทำงานที่ต่างกัน และใช้กับรูปแบบห้องที่ไม่เหมือนกัน

1. Econo Air 

อีโคโน แอร์ เป็นแอร์ระบบธรรมดา มีลักษณะการทำงานจะเป็นแบบกำหนดอุณหภูมิคงที่ (Fixed Speed) กล่าวคือ ถ้าตั้งค่าความเย็นไว้ที่อุณหภูมิ 25 องศา คอมเพรสเซอร์ จะตัดการทำงานต่ำกว่าค่าอุณหภูมิที่ผู้ใช้ตั้งไว้ 1-2 องศา (ที่อุณหภูมิ 23-24 องศา) เพื่อให้ความรู้สึกเย็นฉ่ำตลอดเวลา และเมื่อเวลาที่อุณหภูมิห้องสูงขึ้น คอมเพรสเซอร์ ก็จะกลับมาทำงานอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการทำงานแบบ 100%

แอร์ประเภทนี้ที่ช่องประหยัดไฟเบอร์ 5 จะมีตัวอักษร EER (Energy Efficiency Ratio) ที่ช่องประสิทธิภาพ จะมีตัวเลขเขียนไว้ ยิ่งตัวเลขสูง ยิ่งประหยัดไฟมากนั่นเอง ข้อเสียของ Econo Air เวลาคอมเพรสเซอร์ตัดการทำงานเพราะอุณหภูมิได้ระดับแล้วนั้น เมื่ออุณหภูมิกลับมาเกินระดับที่ตั้งไว้ 1-2 องศา คอมเพรสเซอร์ก็จะเริ่มทำงานอีกครั้งทำให้เปลืองไฟเสมือนรถวิ่งแล้วจอดเรื่อย ๆ

ที่สำคัญเมื่ออากาศสลับเย็น ร้อนไม่คงที่ตลอดเวลาแบบนี้ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว เวลานอนอาจหลับๆ ตื่นๆได้ทั้งยังมีเสียงดังจากการกระชากไฟทุกครั้งเมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงาน

2. Inverter Air 

อินเวอร์เตอร์ เป็นแอร์ที่ปรับอุณหภูมิได้ด้วยตัวเองตามสภาพแวดล้อม จะมีตรวจจับอุณหภูมิอยู่หลายตัวทำให้ได้ค่าที่แม่นยำ ความเย็นในห้องจะเสถียรกว่า ระบบการทำงานของ Inverter Air คอมเพรสเซอร์จะเริ่มทำงานที่ 120% และเมื่อห้องมีอุณหภูมิลดลงตามผู้ใช้กำหนดคอมเพรสเซอร์ก็จะไม่หยุดการทำงานเพียงแต่จะลดรอบการทำงานลงทำให้ไม่กินไฟเหมือนกับ Econo Air ไม่เกิดการกระชากไฟ เครื่องทำงานเงียบ อุณหภูมิเย็นสม่ำเสมอ

เทคนิคการเลือกซื้อแอร์ ?

เมื่อเราทราบแล้วว่าแอร์มี 2 ประเภทหลักๆ แต่การเลือกซื้อแอร์นั่นยังมีตัวประกอบการตัดสินใจอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่

1. ขนาดห้อง

11-14 ตร.ม = 9000 BTU
14-18 ตร.ม = 12000 BTU
21-27 ตร.ม = 18000 BTU
25-32 ตร.ม = 21000 BTU
28-36 ตร.ม = 24000 BTU
30-39 ตร.ม = 25000 BTU
35-45 ตร.ม = 30000 BTU
42-54 ตร.ม = 35000 BTU
56-72 ตร.ม = 48000 BTU

2. ประเภทการใช้ของห้อง

สำหรับห้องนอน หรือห้องที่ไม่มีการเข้าออกบ่อย ๆ ควรเลือกใช้แอร์ระบบ
Inverter Air
ส่วนห้องที่มีการเข้าออกบ่อยๆ เช่น ห้องรับแขก ออฟฟิศ โชว์รูมสินค้า หรือห้องที่มีความผันแปรของอุณหภูมิมากกว่าควรเลือกใช้
Econo Air

ทุกปัญหาของท่าน เราจัดการให้

นัดหมายล้างแอร์

Line : @OFair

Tel : 02-933-6200

มือถือ : 085-118-3546

โปรโมชั่นพิเศษ วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2565 เท่านั้น

ดูรายละเอียด การรับโปรโมชั่น

น้ำแอร์มีอายุการใช้งานเท่าไหร่ ?

รู้หรือไม่ ?

น้ำยาแอร์ มีอายุการใช้งานเท่าไหร่ ?

จำเป็น .. ต้องเติม น้ำยาแอร์ ไหม ?

ลูกค้าหลายๆท่านที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับการเติม น้ำยาแอร์ ยังมีความสงสัยว่าต้องเติมน้ำแอร์ไหม ต้องเติมน้ำยาแอร์ตอนไหน น้ำยาแอร์หายไปได้ยังไง แอร์ไม่เย็นเติมน้ำยาแอร์เข้าไปเลยได้หรือป่าว หรือหลายๆครั้งที่ลูกค้าต้องตกเป็นเหยื่อของช่างแอร์ในคราบโจรที่หลอกเติมน้ำยาแอร์ให้เราไปบ้าง

หากว่าลูกค้าท่านไหนมีความสงสัยแบบนี้อยู่ วันนี้ผมจะมาเจาะลึกว่าเราควรเติมน้ำยาแอร์ หรือไม่!! กันครับ

ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าน้ำยาแอร์เป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้แอร์บ้านของเรามีความเย็นออกมา หากขาดสิ่งนี้ไปแอร์บ้านของเราก็อาจจะไม่มีความเย็นออกมา หรืออาจจะเป็นปัจจัยอื่นๆที่ทำให้แอร์ไม่เย็นก็เป็นได้ จะว่าไปแล้วระบบน้ำยาของแอร์บ้านโดยทั่วไปแล้วเราเรียกกันว่า ระบบกึ่งปิดกึ่งเปิด ซึ่งไม่ใช่ระบบปิดที่สมบูรณ์ ซึ่งนั้นก็ทำให้ระบบน้ำยามีโอกาสที่จะรั่ว หรือซึมออกไปได้ ไม่แปลกอะไรครับ แต่ .. เดี๋ยวก่อนครับ ไม่ใช่ว่าแอร์ทุกเครื่องจะมีโอกาสรั่ว หรือซึมเหมือนกันทั้งหมด หากได้รับการติดตั้งที่ดี ผลิตภัณฑ์ที่ดี โอกาสที่น้ำยาแอร์จะรั่ว หรือซึมหายไป ก็เป็นไปได้น้อยมากครับ

น้ำยาแอร์เติมแล้วใช้งานได้นานเท่าไหร่ น้ำยาหมดมีจริงไหม ?

     มาถึงคำถามที่หลายคนอยากรู้ นั่นก็คือเรื่องของการเติมน้ำยาแอร์ ว่าเราควรจะเติมน้ำยาแอร์บ่อยแค่ไหน บางคนบอกว่าน้ำยาแอร์โดยปกติแล้วไม่ต้องเติมกันบ่อยๆ สาเหตุที่ต้องเติมบ่อยเนื่องมาจากระบบทำงานผิดปกติหรือเกิดอาการรั่วเสียมากกว่า วันนี้เราจะมาไขข้อข้อใจและข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาการเติมน้ำยาแอร์กัน

     ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องของการเติมน้ำยา มาเริ่มกันที่การทำความเข้าใจกับระบบการทำงานของเครื่องปรับอากาศที่เราเรียกว่าแอร์กันก่อน แอร์นั้นประกอบด้วยระบบการทำงาน 3 ส่วน คือ คอนเดนซิ่ง คอมเพรสเซอร์ และที่ช่วยควบคุมการระเหย โดยทั้ง 3 ส่วนต้องทำงานประกอบกันเป็นปกติถึงจะทำให้เกิดความเย็นได้ โดยใช้สารให้ความเย็นที่เรียกว่าน้ำยาแอร์เปลี่ยนให้อากาศร้อนจากภายนอกเป็นของเหลวก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นอากาศเย็นส่งผ่านออกไปอีกขั้นตอนหนึ่ง ส่วนคอมเพรสเซอร์กับคอนเดนซิ่งก็คือส่วนของแอร์ที่มีพัดลมวางอยู่ข้างนอก ทำหน้าที่เปลี่ยนอากาศภายนอกที่มีความดันต่ำเป็นของเหลวด้วยความดันสูงไหลเข้าสู่คอนเดนซิ่งเพื่อกรองเอาความร้อนจากของเหลวออกไปไม่ให้เกิดการระเหย จากนั้นของเหลวจะไหลต่อเข้าไปที่ส่วนควบคุมการระเหยที่อยู่ภายในเปลี่ยนเป็นอากาศเย็นออกมาจากเครื่องปรับอากาศให้เราได้มีอุณหภูมิที่เย็นฉ่ำอย่างสบายกันในทุกวันนั่นเอง

     ส่วนข้อเท็จจริงสำหรับการเติมน้ำยาแอร์คือความระบบน้ำยาแอร์นั้นเป็นระบบปิด โดยปกติแล้วถ้าแอร์ทำงานและให้ความเย็นตามปกติหรือท่อน้ำยาแอร์ไม่รั่วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเติมน้ำยาแต่อย่างใด ส่วนการระเหยของน้ำยาแอร์ที่จะทำให้น้ำยาแอร์มีปริมาณลดลงนั้นก็อาจจะเกิดขึ้นได้แต่ระยะเวลานานมาก คำถามที่ว่าทำไมเวลามีช่างมาล้างแอร์แล้วถึงชอบบอกว่าน้ำยาแอร์ขาดต้องเติมเพิ่มอันนี้จะโดนช่างหลอกใช่หรือไม่ ข้อนี้คำตอบคือทั้งเป็นไปได้และอาจจะโดนหลอกก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นความรู้ที่ควรจะมีไว้ติดตัวอีกอย่าง คือ การตรวจเช็คน้ำยาแอร์ด้วยตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่โดนช่างหลอกอีกต่อไป วิธีการก็คือ เปิดแอร์ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจนแอร์เย็น แล้วไปเช็คตรงตู้คอมเพรสเซอร์ถ้าพัดลมทำงานแล้วมีลดร้อนปล่อยออกมาแสดงว่าแอร์ทำงานตามปกติ ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ แต่หากลมที่ออกมาจากคอมเพรสเซอร์เย็นแสดงว่าน้ำยาแอร์น้อยหรือคอมเพรสเซอร์ทำงานผิดปกติ อาจจะต้องเรียกว่าแอร์มาตรวจสอบว่ามีน้ำยาแอร์รั่วหรือเปล่า ส่วนการตรวจเช็คอีกวิธีหนึ่งคือให้สังเกตท่อน้ำยาแอร์ด้านนอกว่ามีน้ำแข็งเกาะหรือไม่หากพบว่ามีน้ำแข็งเกาะอาจเป็นไปได้ว่าน้ำยาแอร์ขาดเนื่องจากท่อแอร์รั่วเช่นกัน

     น้ำยาแอร์ก็คือสารเคมีชนิดหนึ่งที่ผสมผสานกันจนกลายเป็นน้ำยา มีคุณสมบัติทำความเย็นได้ ถ้าถามว่าน้ำยาแอร์สามารถอยู่ได้นานแค่ไหน คำตอบของผมคือ อาจจะนานกว่าอายุแอร์ที่เราใช้อีกครับ หรือว่าแอร์พังแล้ว น้ำยาแอร์ยังอยู่ในระบบเลยครับ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าหากไม่มีการรั่ว หรือมีจุดซึม น้ำยาแอร์ก็สามารถใช้ไปได้นานๆเลยครับ

ทุกปัญหาของท่าน เราจัดการให้

นัดหมายล้างแอร์

Line : @OFair

Tel : 02-933-6200

มือถือ : 085-118-3546

โปรโมชั่นพิเศษ วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2565 เท่านั้น

ดูรายละเอียด การรับโปรโมชั่น

น้ำแอร์หยด เกิดจากอะไร ?

น้ำแอร์หยด

น้ำแอร์หยด เกิดจากอะไร ?

วิธีแก้ไขปัญหา น้ำแอร์หยด น้ำแอร์รั่วไหลเบื้องต้น

ปัญหา น้ำแอร์หยด น้ำแอร์รั่วไหลตามท่อ

ปัญหาน้ำแอร์หยดด้านในนี่เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยตามบ้านทั่วไป ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็มักจะพาความรำคาญจากความเปียกชื้น และยังอาจทำให้เกิดอันตรายจากไฟรั่วได้อีก สาเหตุที่ทำให้น้ำแอร์หยดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน วันนี้เราจะมาแนะนำถึงสาเหตุและวิธีแก้ไข ในกรณีที่เกิดน้ำแอร์หยดครับ

สาเหตุ

1. เกิดจากถาดหรือท่อทิ้งน้ำนั้นตัน ทำให้น้ำที่เกิดจากกระบวนการฟอกอากาศ ไม่สามารถระบายออกไปได้ จึงล้นและไหล ย้อนกลับมา กลายเป็นน้ำที่หยดซึมมาจากตัวแอร์ในที่สุด

2. ถาดคอยล์ด้านหลังของแผงคีบแอร์นั้นเกิดตัน และทำให้เกิดมีหยดน้ำเกาะอยู่นอกตัวแอร์

3. ถาดน้ำทิ้งเกิดการชำรุด เช่นหลุด หรือแตก

4. การเดินท่อภายในของช่างนั้นไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้หุ้มท่อไม่ได้มาตรฐาน และเกิดหยดน้ำเกาะรอบๆ ตัวจนหยดออกมานอกตัวแอร์ได้ในที่สุด

6 วิธีแก้ไข ดังนี้

น้ำแอร์หยด 1
1. ควรทำความสะอาดโดยการใช้โบลเวอร์ (Blower)
หรือเครื่องเป่าไฟฟ้า ไล่น้ำออกให้แห้ง โดยบริเวณที่เน้นมากๆ คือท่อน้ำทิ้งและบริเวณปลายท่อ
น้ำแอร์หยด 2

2. แก้ไขโดยการล้างแอร์

ซึ่งหากผู้ใช้งานมีความชำนาญก็สามารถถอดส่วนประกอบ หรือท่อแอร์ออกมาล้างได้เลย หรือหากไม่มีความชำนาญ สามารถเรียกช่างล้างแอร์ที่มีความชำนาญจะดีกว่า
น้ำแอร์หยด 3

3. หากแอร์นั้นมีความสกปรกมาก

เช่นฝุ่นหรือมีคราบสกปรกไปเกาะอยู่จำนวนมาก เครื่องจะระบายความเย็นออกมาไม่ทัน ทำให้เกิดน้ำแข็งจับและกลายเป็นหยดน้ำออกมานอกเครื่องได้ในที่สุด กรณีนี้ควรติดต่อเรียกช่างแอร์จะดีกว่าครับ เพราะต้องทำการรื้อเครื่องดูจุดที่สกปรกซึ่งอยู่ภายในเครื่องแอร์นั่นเอง
น้ำแอร์หยด 4

4. อีกสาเหตุที่พบได้บ่อยคือน้ำยาแอร์มีน้อยจนเกินไป

หรืออาจเกิดจากการรั่วซึมของน้ำยา ควรติดต่อช่างแอร์โดยด่วน เพราะน้ำยาแอร์นี้เป็นส่วนที่สำคัญต่อการเกิดความเย็น ถ้าหากมีน้อยเกินไปจะทำให้ตัวแอร์นั้นปรับอากาศได้ไม่ดีเท่าที่ควร หรืออาจทำให้เครื่องรวนหรือพังไปเลยก็ได้
น้ำแอร์หยด 5

5. ตรวจดูว่าภายในเครื่อง

มีสัตว์จำพวกหนู หรือแมลงเข้าไปอาศัยหรือตายติดอยู่หรือไม่ เพราะบางครั้งสัตว์จำพวกนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการอุดตันของท่อแอร์ภายในเครื่องได้
น้ำแอร์หยด 6

6. ตรวจดูถาดน้ำทิ้ง

หากพบว่าเลื่อน หรือเคลื่อน ควรทำการแก้ไขให้อยู่ในสภาพเดิม
การแก้ปัญหาน้ำแอร์หยดนั้น ทางที่ดีควรติดต่อเรียกช่างแอร์ หรือคนที่มีความชำนาญจะดีกว่า
เพราะส่วนใหญ่นั้นเป็นเรื่องของทางเทคนิค และเครื่องแอร์นั้นก็มีความซับซ้อนมาก
หากไม่ชำนาญหรือไม่เคยรื้อเครื่องมาก่อน อาจทำให้เกิดความเสียหายได้

ทุกปัญหาของท่าน เราจัดการให้

นัดหมายล้างแอร์

Line : @OFair

Tel : 02-933-6200

มือถือ : 085-118-3546

โปรโมชั่นพิเศษ วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2565 เท่านั้น

ดูรายละเอียด การรับโปรโมชั่น

5 วิธีแก้ปัญหา แอร์ไม่เย็น ด้วยตัวเอง

แอร์ไม่เย็น xd

5 วิธีแก้ปัญหา แอร์ไม่เย็น

แก้ปัญหา แอร์ไม่เย็น เบื้องต้นด้วยตัวเอง

แอร์ไม่เย็น แก้ปัญหาอย่างไร ?

การแก้ปัญหาเบื้องต้นแอร์ไม่เย็น

เคยมั้ยที่ใช้แอร์ไปเรื่อยๆแล้วรู้สึกว่า แอร์ไม่เย็น ทั้งๆที่เพิ่งซื้อมาไม่นาน หรือบางคนเพิ่งจะล้างแอร์ไปด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้จะทำยังไง ต้องโทรเรียกช่างมั้ย ต้องซื้อใหม่หรือเปล่า ไม่ต้องกังวลใจไป เราต้องดูก่อนว่าสาเหตุที่แอร์ไม่เย็นคืออะไร สามารถแก้ไขเองได้หรือไม่

ทำไมแอร์ถึงไม่เย็น ?

สำหรับปัญหาของแอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแอร์ไม่เย็น แอร์เย็นช้า แอร์ไม่ค่อยเย็นหรือเย็นน้อยลงไม่ได้เย็นเจี๊ยบฉ่ำใจเหมือนเมื่อก่อน มันก็มาจากสาเหตุหลายประการ เช่น อาจจะมีการปรับรีโมทโดยที่ไม่รู้ตัวจนทำให้แอร์ไม่เย็น หรือเย็นมากเกินปกติ หรืออาจจะเป็นเพราะคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงานหรือทำงานผิดพลาด หรืออาจจะเป็นเพียงน้ำยาแอร์หมดหรือมีน้ำยาแอร์น้อยเกินไป นอกจากนั้นก็ยังมาจากปัญหาใหญ่ๆ  เช่น แอร์มีรอยรั่ว ซึ่งปัญหานี้ทางที่ปลอดภัยก็ควรเรียกช่างมาแก้ไขจะดีกว่า และสาหตุหลักๆ อีกประการ เช่น เรื่องของการปรับโหมด ไปจนถึงแอร์สกปรกเพราะไม่ได้ล้างมานาน

สาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็น

ไม่เติมน้ำยาแอร์ น้ำยาแอร์เป็นสารที่ช่วยทำความเย็น ถ้าแอร์ไม่เย็นขึ้นมา สาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากน้ำยาแอร์ไม่เพียงพอ แต่ถ้าเพิ่งเติมน้ำยาแอร์ไม่นานแต่ไม่เย็น ลองสังเกตดูว่ามันรั่วหรือไม่ น้ำยาแอร์ตันหรือไม่ เพราะสาเหตุเหล่านี้ทำให้น้ำยาแอร์ไม่เพียงพอที่จะทำความเย็นนั่นเอง 

ไม่ได้ล้างแอร์นานเกินไป จนทำให้สิ่งสกปรก ฝุ่น รวมไปถึงเชื้อโรคเข้าไปอุดตันคอมเพรสเซอร์แอร์ แอร์จึงไม่สามารถทำความเย็นได้ดีเท่าที่ควร การล้างแอร์ตามเวลาที่เหมาะสมควรทำทุกๆ 4 – 6 เดือน

มีสิ่งกีดขวางทางลมของแอร์ ทางเดินของอากาศเป็นส่วนสำคัญสำหรับกระจายความเย็น เช่น มีฉากกั้นตั้งอยู่ทำให้แอร์ไม่กระจายความเย็น เย็นแค่จุดเดียว

เปิดรีโมทพัดลมโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเป็นโหมดที่มีเพียงลมออกมาเท่านั้น เพราะฉะนั้นหากไปเปิดโหมดพัดลม ก็จะมีลมออกมาแต่แอร์ก็ไม่ปล่อยลมเย็น

มีคนอยู่ในห้องมากเกินไป เมื่อมีคนอยู่ในห้องมาก ก็มีการแย่งอากาศหายใจ ยิ่งเมื่ออยู่ในหน้าร้อนแบบนี้จึงยิ่งทำให้แอร์เย็นไม่ทันใจ

เมื่อเราทราบถึงสาเหตุของแอร์ไม่เย็นแล้ว เราลองเช็กแอร์ของเราดูก่อนว่าสภาพเป็นอย่างไร การตัดล้าง หรือล้างแอร์ อาจจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดที่คุณกำลังตามหา

กับวิธีการ 5 เช็กง่ายๆดังนี้

แอร์ไม่เย็น 1

1. เช็กรีโมทแอร์

หลายต่อหลายครั้งที่เราพบว่าสาเหตุที่แอร์ไม่เย็น เพราะตั้งโหมดผิด เมื่อแอร์ไม่เย็น ให้สังเกตที่รีโมทแอร์เป็นอันดับแรกเลยว่าตั้งรีโมทแอร์ในโหมดพัดลมหรือไม่ ถ้าใช่ รีบกลับไปที่โหมด Cool Mode หรือโหมดแอร์ทำงานปกติด่วนๆ เลย

แอร์ไม่เย็น 2

2. เช็กอุณหภูมิสภาพอากาศนอกห้อง

เมื่อเรารู้สึกว่าแอร์ของเรานั้นไม่เย็นเท่าที่ใจต้องการ ลองตรวจดูสภาพแวดล้อมภายนอกห้องด้วยว่าอากาศเป็นอย่างไร อย่างเช่นช่วงนี้เป็นฤดูร้อน อากาศร้อน แอร์จึงไม่อาจทำความแย็นได้เท่าที่เราต้องการ อาจจะต้องลดอุณหภูมิให้เย็นลงมานิดหน่อย แต่ก็ต้องแลกกับค่าไฟที่สูงกว่า

แอร์ไม่เย็น 3

3. เช็กเครื่องกรองอากาศ

ที่ต้องเช็กที่ฟิลเตอร์หรือแผ่นกรองอากาศของแอร์ (คอยล์เย็น) เพราะเป็นไปได้ว่าอาจจะมีฝุ่นเกาะบังทางลมแอร์อยู่ทำให้แอร์ไม่เย็น ถ้าเจอแบบนี้วิธีแก้คือถอดมาล้างน้ำเปล่าให้สะอาด และตามหลักควรถอดฟิลเตอร์มาล้างทุกสัปดาห์

แอร์ไม่เย็น 4

4. เช็กคอมเพรสเซอร์

แอร์บางยี่ห้อจะมีระบบป้องกันไฟตก ทำให้เวลาไฟจ่ายมาที่ตัวแอร์ (คอยล์เย็น) ทำงานแต่คอมเพรสเซอร์นอกบ้าน (คอยล์ร้อน) ไม่ทำงาน วิธีเช็กว่าคอมเพรสเซอร์ทำงานปกติอยู่หรือไม่ ให้ลองสับเบรกเกอร์ของแอร์ลงแล้วค่อยยกขึ้นกลับมาที่เดิม ถ้าแอร์กลับมาเย็นก็แปลว่าไม่มีปัญหาอะไร

แอร์ไม่เย็น 5

5. เช็กว่าล้างแอร์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

ถ้าแอร์สกปรกทั้งด้านนอกและด้านใน หรือถ้าไม่เคยล้างแอร์มาเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดคราบฝุ่นสะสมจนเกิดการอุดตันข้างในจนทำให้แอร์ไม่สามารถทำความเย็นได้อย่างเต็มที่ โดยปกติเราควรล้างแอร์ ทุกๆ 4 – 6 เดือน อย่างไรก็ตามสิ่งนี้สามารถเช็กได้ง่ายๆ ด้วยการเปิดหน้ากากแอร์ออก ก็จะเห็นสภาพความสกปรกได้ชัดเจน

> ประโยชน์ของการล้างแอร์ 

ทุกปัญหาของท่าน เราจัดการให้

นัดหมายล้างแอร์

Line : @OFair

Tel : 02-933-6200

มือถือ : 085-118-3546

โปรโมชั่นพิเศษ วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2565 เท่านั้น

ดูรายละเอียด การรับโปรโมชั่น

7 ประโยชน์ ล้างแอร์ OF Air ได้อะไรบ้าง ?

7 ประโยชน์ ล้างแอร์

กับ OF Air ได้อะไรบ้าง ?

7 ประโยชน์ ล้างแอร์ OF Air ได้อะไรบ้าง ?

1. ช่างที่มีประสบการณ์ ยาวนาน ทำงานด้วยมาตรฐานการล้างแอร์ที่ถูกต้อง

2. ช่างมีความปลอดภัย ไม่อันตราย ผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม

3. ก่อนเริ่มงาน เราตรวจเช็คสภาพแอร์ทุกครั้ง เพื่อให้คำแนะนำในเรื่องการดูแลรักษา และการซ่อมบำรุงอย่างถูกวิธี

4. ใส่ใจทุกขั้นตอนการปฏิบัติงาน พิถีพิถันทุกรายละเอียด

5. เก็บกวาดทำความสะอาด ตั้งแต่เริ่มงานจนจบขั้นตอนการทำงาน

6. รับประกันหลังปฏิบัติงาน ถ้าเกิดปัญหาหรือมีข้อบกพร่อง เรายินดีแก้ไข ทุกกรณี

7. มีทีมงานซัพพอร์ต ที่จะคอยตอบคำถามหรือนัดหมายล้างแอร์ตลอดเวลา

1. ช่างที่มีประสบการณ์ ยาวนาน

ทำงานด้วยมาตรฐานการล้างแอร์ที่ถูกต้อง

  • ช่างของเรา มีประสบการณ์ การทำงานที่ยาวนาน มีความรู้ ความสามารถเฉพาะทางเป็นพิเศษ
  • สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันที
  • ตรวจสอบและวิเคราะห์อาการเบื้องต้น เพื่อแจ้งปัญหาที่ตรงจุดให้กับคุณลูกค้า
  • คล่องแคล่ว ว่องไว ทำงานอย่างมืออาชีพ

2. ช่างมีความปลอดภัย ไม่อันตราย

ผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม

  • ตรวจประวัติอาญากรรม 100% เพื่อ ความปลอดภัยในทรัพย์สิน ของท่าน
  • พูดจาดี แต่งกายสุภาพ
  • เน้น มารยาท การพูดจา ของทีมช่างแอร์
  • แต่งกายด้วยเครื่องแบบ OF AIR
3. ก่อนเริ่มงาน เราตรวจเช็คสภาพแอร์ทุกครั้งเพื่อให้คำแนะนำในเรื่องการดูแลรักษา และการซ่อมบำรุงอย่างถูกวิธี

3.1 เริ่มต้นด้วย ตรวจเช็คสภาพ โดยรวม

    • ตรวจเช็ค สภาพภายนอก, ระบบไฟฟ้า, ระบบมอเตอร์, ความเย็นกว่า แอร์ยังทำงานปกติ หรือไม่
    • หากตรวจพบปัญหา จะได้เสนอวิธีการแก้ไข ต่อไป

3.2 ป้องกัน พื้นและเฟอร์นิเจอร์

    • ปูพื้น ด้วยผ้าร่มกันน้ำ และผ้าห่มกันรอย จากบันไดเพื่อป้องกัน พื้นห้อง จากรอยขีดข่วน
    • คลุมแอร์ ด้วยผ้าใบล้างแอร์ เพื่อป้องกัน เฟอร์นิเจอร์ และกำแพง จากสิ่งสกปรก

4. ใส่ใจทุกขั้นตอนการปฏิบัติงานพิถีพิถันทุกรายละเอียด

4.1 ล้างแอร์ ส่วนแผงคอยด์เย็น (ด้านในอาคาร) เปิดฝาครอบ และทำความสะอาด ด้วยน้ำเปล่า

    • ฉีดพ่น แผงคอยด์เย็น ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเพื่อฆ่าเชื้อโรค ภายในแอร์
    • ล้าง แผงคอยด์เย็น, ถาดน้ำทิ้ง ด้วยน้ำแรงดันสูง เพื่อขจัดสิ่งสกปรก และล้างน้ำยาฆ่าเชื้อโรคออก
    • เช็ด ชิ้นส่วนภายใน ด้วยผ้าแห้ง เพื่อความสะอาด แห้ง และเรียบร้อย
    • เป่าลม ชิ้นส่วนภายใน ด้วยเครื่องเป่าลม เพื่อไล่ความชื้นออกไปให้หมด
    • ฉีดพ่น แผงคอยด์เย็น อีกครั้ง ด้วยโฟมลดกลิ่นอับ เพื่อป้องกันกลิ่นอับ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
    • ปิดฝาครอบแอร์ และเช็ดทำความสะอาดแอร์ ด้วยผ้าแห้ง เพื่อความเรียบร้อย
    • เก็บกวาด เศษวัสดุ ฝุ่นผง จากการทำงาน
    • เลื่อน เฟอร์นิเจอร์ ตู้ โต๊ะ กลับเข้าตำแหน่งเดิม เพื่อให้สภาพหน้างาน กลับมาเหมือน ก่อนการทำงาน ทุกประการ

4.2 ล้างแอร์ ส่วนแผงคอยด์ร้อน (ด้านนอกอาคาร)

    • ล้าง แผงคอยด์ร้อน ทั้งภายในและภายนอก ด้วยน้ำแรงดันสูง
      เพื่อขจัดฝุ่น และสิ่งสกปรก ออก

5. เก็บกวาดทำความสะอาดตั้งแต่เริ่มงานจนจบขั้นตอนการทำงาน

  • เก็บกวาด อะไหล่ เศษวัสดุ ฝุ่นผง จากการทำงาน ทั้งภายในอาคาร และนอกอาคาร
  • เลื่อน เฟอร์นิเจอร์ ตู้ โต๊ะ กลับเข้าตำแหน่งเดิม เพื่อให้สภาพหน้างาน กลับมาเหมือน
    ก่อนการทำงานทุกประการ
6. รับประกันหลังปฏิบัติงานถ้าเกิดปัญหา
หรือมีข้อบกพร่องเรายินดีแก้ไข ทุกกรณี
    • เปิดบริการทุกวัน ไม่มีวันหยุด
    • ฟรี ตรวจเช็คสภาพแอร์ : ระบบไฟฟ้า, มอเตอร์, ความเย็น
    • ล้างแอร์ ด้วยปั๊มแรงดันสูง
    • ปูผ้า ป้องกันความเสียหาย ที่อาจจะเกิดขึ้น ทุกครั้ง
    • ล้างแอร์ ทั้งคอยด์เย็น ในตัวอาคาร และคอยด์ร้อน นอกอาคาร
    • ราคามาตราฐาน ไม่คดโกง : ดำเนินการในรูปแบบบริษัท
    • นัดล้างด่วน ได้ล้างในวันเลย | นัดเช้า ล้างบ่าย ได้เลย
    • ไม่ต้องวางเงินมัดจำ ก่อนเข้าล้างแอร์
    • รับประกัน งานล้าง 30วัน งานซ่อม 90 วัน

7. มีทีมงานซัพพอร์ต ที่จะคอยตอบคำถาม
   หรือนัดหมายล้างแอร์ตลอดเวลา

    • เรามีทีมงานที่คอยซัพพอร์ต ตอบคำถามหรือนำเสนอโปรโมชั่นใหม่ๆ
      ให้กับคุณลูกค้าตลอด 24 ชม.
    • Line : @OFair
    • Tel : 02-933-6200
    • มือถือ : 085-118-3546

โปรโมชั่นพิเศษ วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2565 เท่านั้น

ดูรายละเอียด ล้างแอร์แต่ละประเภท

ดูรายละเอียด การรับโปรโมชั่น

Don`t copy text!