เกริ่นนำ ล้างแอร์หน้าร้อน

ช่วงหน้าร้อนนี้ เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ กลายเป็นไอเทมที่ต้องทำงานหนัก จะทำให้อากาศภายในบ้านเย็นขึ้น ซึ่งนอกเหนือจากการเปิดใช้งานแอร์แล้ว สิ่งสำคัญที่สุด ที่ไม่ควรมองข้ามคือการ ล้างแอร์ เพื่อความสะอาดและประหยัดพลังงาน

ข้อดีของการล้างแอร์จะมีอะไรบ้าง และช่วงนี้ผู้ประกอบการ ธุรกิจให้บริการล้างแอร์จะจัดโปรโมชั่นกระตุ้นเพิ่มยอดขาย และการให้บริการที่น่าสนใจอย่างไรเดี๋ยวเราไปฟังเสียงผู้ประกอบการกันเลยค่ะ

หน้าร้อน ผู้ใช้งานหันมาทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ เพิ่มขึ้น 40%

อากาศร้อนแบบนี้จะไม่ให้เปิดแอร์กันได้อย่างไร แต่จะเปิดนาน ๆ หรือเปิดแอร์ให้เย็นช่ำแอร์ก็จะทำงานหนัก ทำให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้นเพราะถึงขนาดว่าบางคนออกมาโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย ว่าบิลค่าไฟแพงขึ้นเป็นเท่าตัว ดังนั้นบางบ้านที่มีแอร์หลายเครื่องหรือเปิดแอร์ตลอดเวลา ก็ตัดสินใจที่จะล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศในหน้าร้อน เพื่อลดค่าไฟ

ซึ่งผู้ประกอบการล้างแอร์ยอมรับว่าช่วงนี้มีผู้มาใช้บริการล้างแอร์เพิ่มขึ้นประมาณ 20% – 40%

ประโยชน์ของการ ล้างแอร์หน้าร้อน

การล้างแอร์ นั้นทำให้กินไฟน้อยลง ค่าไฟถูกลงได้จริงๆ ซึ่งปกติแล้วมาตรฐานการล้างแอร์จะอยู่ที่ 6 เดือนต่อครั้ง 1 ปีอยู่ที่ 2 ครั้ง ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้สูงจนเกินไปอยู่ที่ 500-1000 บาทต่อเครื่อง

แต่ถ้าเปรียบเทียบกับการประหยัดค่าไฟถือว่าคุ้มค่าเพราะประหยัดค่าไฟได้ถึง 10% ถ้าค่าไฟอยู่ที่ 1,000 บาทก็ลดลงไป 100 บาท และระยะยาวจะประหยัดค่าไฟลงได้อีก รวมถึงการล้างแอร์ยังล้างทำความสะอาดคราบโคลนสิ่งสกปรกฆ่าเชื้อโรค

และมีการเติมน้ำยาแอร์ทำให้ยืดอายุการใช้งานแอร์จะได้ไม่เสียหรือพังง่าย จนต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อแอร์เครื่องใหม่อีก

เทคนิคการประหยัดไฟ ในหน้าร้อน

1. โดยปกติการใช้งานแอร์ ที่จะทำให้ประหยัดค่าไฟนั้น ควรเปิดการใช้งานอยู่ที่ 26-27 องศา จากนั้นจะเปิดพัดลมช่วย เพื่อทำให้อากาศเย็นขึ้น
2. เบื้องต้นก่อนเปิดแอร์ เราควรจะระบายความร้อนภายในห้องก่อน เพื่อให้ห้องคลายความร้อนสะสม ด้วยพัดลมก่อนสัก 10 – 15 นาที ก่อนเปิดใช้งานแอร์ ถ้าห้องมีความร้อนสะสมอยู่มาก จะทำให้แอร์นั้นทำงานหนักมากขึ้น จากนั้นเราเปิดใช้งานแอร์  ก็จะช่วยให้แอร์ทำงานน้อยลง และประหยัดไฟมากยิ่งขึ้น

สรุปการล้างแอร์ และการประหยัดค่าไฟ

นอกจากการล้างแอร์แล้ว การปรับอุณหภมิในการใช้งานแอร์ ให้อยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส ก็สามารถช่วยได้เหมือนกัน เพราะการเพิ่มอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ไม่ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส จะสามารถลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

และโดยเฉพาะขนาดนี้ หลายฝ่ายจับตาการแก้ไขปัญหาค่าไฟแพง แต่ถึงกระนั้นค่าไฟที่จะออกมาก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่า 4 บาทต่อหน่วย ดังนั้นวิธีการเหล่านี้ จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถนำไปปรับใช้ใน การประหยัดแอร์ ประหยัดไฟ และ ประหยัดเงินในกระเป๋า

ปัญหา แอร์เหม็นอับ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยกับเครื่องปรับอากาศ ซึ่งหลายครั้ง ก็เป็นปัญหาเรื้อรัง ที่ แม้เรียกช่างแอร์ทั่วไปๆ มาดำเนินการหลายครั้งก็ไม่สามารถแก้ปัญหาให้หายได้ ซึ่งสร้างความหงุดหงิดใจให้แก่ผู้ใช้งานเครื่องปรับอากาศ อยู่เสมอ

วันนี้  OF Air ในฐานะผู้ให้บริการ ล้างแอร์ ซ่อมแอร์ ติดตั้งแอร์ โดย จึงอนุญาติเล่าถึงสาเหตุ และวิธีการแก้ไข แบบวิทยาศาสตร์ ที่ได้ผลจริง จากประสบการทำงานของช่างแอร์ โดยวิศวกรของเรา ให้ท่านสมาชิกให้ฟังครับ

สาเหตุ ของแอร์เหม็นอับ

ปัญหาแอร์เหม็นอับ มักมีสาเหตุมาจาก มีฝุ่น คราบสิ่งสกปรก เชื้อโรคเชื้อรา สะสม อยู่ในแอร์

ปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อเราเปิดแอร์เบาๆ (หมายถึงเปิดแอร์ ในอุณหภูมิสูง 25-27 องศาเซลเซียส) จะมีกลิ่นอับโชยออกมาจากแอร์
แต่ เมื่อเราเปิดแอร์แรงๆ (หมายถึงเปิดแอร์ ในอุณหภูมิต่ำ 15-23 องศาเซลเซียส) ปัญหานี้ก็จะดูเหมือนบรรเทาไป
ซึ่งก็เหมือนเป็นการบังคับให้เรา เปิดแอร์เย็นมากๆซึ่งก็จะทำให้ เสียค่าไฟฟ้ามาก โดยใช่เหตุ

ที่ปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นอับ ของแอร์ จะเบาบางลง เมื่อเราเปิดแอร์แรงๆนั้น ก็เพราะว่า
เมื่ออุณหภูมิต่ำๆ การระเหยของกลิ่น จากสิ่งสกปรก จะระเหยได้น้อยลงตามธรรมชาติ
แต่เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น กลิ่นเหม็นก็จะกลับมาระเหยได้ดี เหมือนเดิม ทำให้กลับมามีกลิ่นอีก
ซึ่งสถานการณ์นี้ก็คล้ายๆ กับในตู้เย็นช่องแช่แข็ง ที่มีเนื้อที่มีกลิ่นแรงมากมาย แต่เรากลับไม่ค่อยได้กลิ่น ของเนื้อเหล่านั้น เมื่อเราเปิดช่องแช่แข็งนั้น

ปัญหานี้สามารถแก้ได้โดย ล้างทำความสะอาด สิ่งสกปรกฝุ่นเชื้อโรคเชื้อราที่สะสมอยู่ออกไป

ทำไม ล้างแอร์เป็นประจำ แอร์ก็ยังเหม็น

การล้างแอร์แบบทั่วไปเริ่มต้นที่ 600 บาท/เครื่อง ที่เปิดฝาหน้าแอร์แล้วฉีดน้ำล้างทำความสะอาด รังผึ้งและรางระบายน้ำด้านหน้านั้น จะไม่สามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรก ที่ตกค้างสะสมอยู่รั่งผึ้งและรางระบายน้ำด้านหลังได้ ซึ่งมักจะเป็นสาเหตุ ของ กลิ่นเหม็นอับดังกล่าวได้ จึงเป็นที่มา ว่า “ทำไมล้างแอร์ทุก 6 เดือน อยู่แล้ว แอร์ถึงยังมีกลิ่นเหม็นอับอยู่?”

วิธีการแก้ปัญหา แอร์เหม็นอับ

ดังนั้น วิธีแก้ปัญหาที่ได้ผลที่สุด คือ การล้างแอร์แบบตัดล้าง (หรือที่เรียกว่า ล้างใหญ่) ซึ่งจะเป็นการ ตัดแอร์ออกมาทั้งตัว แล้วทำการ แยกชิ้นส่วนต่างๆ ทั้งรังผึ้ง ฝาหน้า ฝาหลัง และรางน้ำด้านหลัง มาทำการฉีดล้างทำความสะอาด ได้ทุกซอกทุกมุม จากทั้งทางข้างหน้า และหลัง
ทั้งนี้ สำหรับส่วนรังผึ้ง ที่เป็นแผงให้ความเย็นนั้น จำเป็นต้องล้างด้วย น้ำยาแบบพิเศษ เพื่อกัดสิ่งสกปรก เชื้อโรคเชื้อรา ทั้งหลายออกมาจากรังผึ้ง และ ล้างน้ำ

ซึ่งการล้างแอร์แบบตัดล่าง จะเป็นการ ตัดส่วนคอยล์ร้อนกับส่วนคอยล์เย็นออกจากกัน คล้ายๆกับการติดตั้งแอร์ใหม่ ซึ่งจะทำให้ สูญเสียน้ำยาแอร์ไปบางส่วน อีกทั้ง การตัดล้างนั้น มีขั้นตอน ในการล้าง มากกว่าการล้างแอร์แบบทั่วไป ทำให้ ทำให้ค่าบริการล้างแอร์แบบตัดล้าง เริ่มต้นที่ 1,600 บาท/เครื่อง ซึ่งจะสูงกว่าล้างแอร์แบบทั่วไปมาก ล้างแอร์ใหญ่

การป้องกันปัญหา แอร์เหม็นอับ

ดังนั้น โดยทั่วไป เพื่อป้องกันปัญหาแอร์เหม็นอับ เราจึงควรจะล้างแอร์แบบทั่วไป ทุก 3-6เดือน เพื่อล้างฝุ่นละอองสะสมออกไปบ้าง เพื่อให้แอร์ประหยัดไฟ
ส่วน คราบสิ่งสกปรก เชื้อโรคเชื้อรา ที่จะนำมาซึ่งปัญหากลิ่นเหม็นอับนั้น นั้น ทุก 3-5ปี ก็ควรจะล้างแอร์แบบตัดล้าง สักครั้งนึง

สรุปปัญหา แอร์เหม็นอับ

ปัญหาแอร์เหม็นอับ เกิดจาก เศษฝุ่น สิ่งสกปรก เชื้อโรคเชื้อรา สะสมอยู่ในแอร์ ส่วนด้านหลัง ซึ่งการล้างแอร์แบบทั่วไป ไม่สามารถล้างออกได้ ดังนั้น จึงต้องใช้การล้างแอร์แบบตัดล้าง เพื่อการแก้ปัญหานี้

จองคิวล้างแอร์ใหญ่ตอนนี้